เมืองแพร่ เป็นเมืองเก่าเมืองหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทย ประวัติการสร้างเมือง ไม่มีจารึกในที่ใดที่หนึ่งโดยเฉพาะ การศึกษาเรื่องราวของเมืองแพร่จึงต้องอาศัยหลักฐานของเมืองอื่น เช่น พงศาวดารโยนก ตำนานเมืองเหนือ ตำนานพระธาตุลำปางหลวง และศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นต้น
จนถึงปี พ.ศ. 2440 ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เปลี่ยนการปกครองจากเจ้าผู้ครองนครเป็นมณฑลเทศาภิบาล และโปรดเกล้าให้พระยาไชยบูรณ์มาเป็นข้าหลวงเมืองแพร่คนแรก โดยมีเจ้าผู้ครองนครแพร่ คือ เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ ต่อมาเกิดเหตุการณ์กบฏเงี้ยวในปี พ.ศ. 2445 จึงโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีนำทัพพร้อมหัวเมืองใกล้เคียงเข้าปราบกบฏเงี้ยวที่เมืองแพร่ พระยาไชยบูรณ์ถูกพวกเงี้ยวสังหาร ส่วนเจ้าพิริยเทพวงษ์เกรงพระราชอาญา จึงเสด็จหลี้ภัยการเมืองไปพำนักที่เมืองหลวงพระบาง หลังจากนั้นรัฐบาลสยามจึงยกเลิกตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครแพร่
จังหวัดแพร่เป็นจังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งเหนือที่ 17.70 ถึง 18.84 องศา กับเส้นแวงที่ 99.58 ถึง 100.32 องศา อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 155 เมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ตามทางหลวงหมายเลข 11 และ 101 ประมาณ 555 กิโลเมตร และทางรถไฟ 550 กิโลเมตร (ถึงสถานีรถไฟเด่นชัย) มีเนื้อที่ประมาณ 6,538.59 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4,086,625 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 1.27 ของพื้นที่ประเทศ จัดเป็นพื้นที่จังหวัดขนาดกลาง มีความกว้างประมาณ 59 กิโลเมตร (วัดจากตะวันออกสุดของอำเภอเมืองตะวันตกสุดของอำเภอลอง ) มีความยาวประมาณ 118 กิโลเมตร (วัดจากเหนือสุดของอำเภอสอง ใต้สุดของอำเภอวังชิ้น ) ปัจจุบัน ที่ตั้งของจังหวัดแพร่นับเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคเหนือที่ติดต่อไปยังจังหวัดน่านพะเยาเชียงรายลำปางลำพูนเชียงใหม่ จึงเรียกได้ว่าจังหวัดแพร่เป็น ประตูสู่ล้านนา
เราได้รู้ประวัติจังหวัดแพร่กันคร่าวๆแล้ว มาจูงมือคู่รัก ออกเดต ฮันนิมูนพักผ่อนสบายๆ ต้านโควิด-19 ให้เต็มที่กันไปเลยค่ะ ไปเลือกชมสถานที่สวยๆกันค่ะ
1.วัดจอมสวรรค์ (Chom Sawan Temple)
วัดเก่าแก่โบราณมีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นในรูปแบบสถาปัตยกรรมศิลปะไทยใหญ่ ตั้งอยู่บนถนนยันตรกิจโกศล ตำบลทุ่งกวาว ห่างจากศาลากลางจังหวัด 1 กิโลเมตร วัดสร้างเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 โดยชาวไทใหญ่ หลังคาเล็กใหญ่ซ้อนลดหลั่นกันไป ประดับประดาลวดลายฉลุ อารามเป็นไม้สัก ใช้เป็นทั้งโบสถ์ วิหาร และกุฏิ ภายในตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง เสาไม้มีทั้งลงรักปิดทองและประดับกระจกสีงดงามด้วยลวดลายแบบไทใหญ่ ลวดลายเพดานตกแต่งด้วยกระจกสีต่างๆ เป็นรูปสัตว์หิมพานต์
2.คุ้มเจ้าหลวง (Khum Chaoluang)
สถานที่เก่าแก่โบราณนับร้อยปีที่อยู่คู่เมืองแพร่มายาวนาน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป หรือที่เรียกกันว่า “ทรงขนมปังขิง” ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2435 โดยเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าเมืองแพร่องค์สุดท้าย เป็นอาคารสีเขียวอ่อน 2 ชั้น ก่อด้วยอิฐฉาบปูน หลังคาทรงปั้นหยา เชิงชายประดับด้วยไม้แกะฉลุสลักลวดลายอย่างประณีตสวยงาม โดยเฉพาะโครงสร้างอาคารพิเศษตรงที่ไม่มีเสาเข็ม ใช้เพียงไม้ซุงเนื้อแข็งรองรับฐานเสาทั้งหลัง ภายในอาคารโอ่โถง หรูหรา และยังคงมีข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของเจ้าหลวงที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์
3.คุ้มวงศ์บุรี (Khum Wong Buri)
ภายใต้ตัวอาคารสีชมพูหวานสมฉายา “บ้านสีชมพู” ของ “คุ้มวงศ์บุรี” บนถนนหลังจวนผู้ว่า สี่แยกพระนอนเหนือนั้น ถูกออกแบบในรูปแบบสถาปัตยกรรมเรือนขนมปังขิงตามความนิยมกันในสมัยรัชกาลที่ 5 ในอดีตเคยเป็นคุ้มเจ้านายเมืองแพร่ ผู้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าฟ้าชายสาม จุฬามณีศิริเมฆภูมินทร์ แห่งเชียงตุง “ราชวงศ์มังราย” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 ตามดำริของเจ้าแม่บัวถา ชายาองค์แรกของเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่
4.วัดพระธาตุช่อแฮ่
อันดับแรกเมื่อมาถึงเมืองแพร่นั้นต้องแวะมา นั่นคือ วัดพระธาตุช่อแฮ่ วัดศักดิ์สิทธิ์ เก่าแก่ คู่บ้าน คู่เมืองจังหวัดแพร่และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาล บุคคลใดที่มาเที่ยวจังหวัดแพร่แล้วจะต้องมานมัสการพระธาตุช่อแฮ เพื่อเป็นศิริมงคล จนมีคำกล่าวว่า ถ้ามาเที่ยวจังหวัดแพร่ แต่ไม่ได้มานมัสการพระธาตุช่อแฮเหมือนไม่ได้มาจังหวัดแพร่
5.คุ้มวิชัยราชา
คุ้มวิชัยราชา หรือ บ้านวิชัยราชา เรื่อนไม้โบราณที่เป็นสถาปัตยกรรมอันลำค่าทางประวัติศาตร์ที่มีอายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่าแพร่ ป็นเรือนไม้ที่ผสมผสานระหว่างเรือนไม้แบบมนิลา และเรือนขนมปังขิงร่วมกับสถาปัตยกรรมล้านนา ประดับตกตกแต่งลวดลายด้วยไม้ฉลุที่สวยงามอ่อนช้อยอยู่ทั่วตัวอาคาร มีความงดงามที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน
6.บ้านทุ่งโฮ้ง
แหล่งช๊อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองหม้อฮ่อม ผ้าย้อมพื้นเมืองสีกรมท่าที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาวเมืองแพร่ ที่โด่งดังไปทั่วประเทศ จนมีคำกล่าวว่า “ใครมาเมืองแพร่ต้องซื้อ หม้อห้อม” บ้านทุ่งโฮ่ง ตั้งอยู่ในตัวอำเภอเมืองแพร่ ถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุด มีร้านขายเสื้อผ้าหม้อฮ่อมตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก
7.ร้านปั๋นใจ๋
ร้านปั๋นใจ๋ ร้านขายขนมจีนและอาหารพื้นเมืองหลากหลายอย่าง ทั้งส้มตำ หมูสะเต๊ะ ไก่ย่าง ข้าวซอย ข้าวอาหารจานเดียว รสชาติอร่อยทุกอย่างทั้งคาวหวาน โดยเฉพาะเมนูขึ้นชื่อ ขนมจีนน้ำยาต่างๆ ทั้งน้ำกะทิ น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว และน้ำแกงเขียวหวาน เด็ดที่สุดคือ น้ำเงี้ยวเมืองแพร่ หรือ น้ำหมูเป็นน้ำขนมจีนน้ำใส สูตรเมืองแพร่คล้ายน้ำก๋วยจั๊บญวน รสชาติกลมกล่อมอร่อยเลยทีเดียว ส่วนเส้นขนมจีนเส้นเป็นเส้นสด เส้นเล็กนุ่ม เด็ดสุดคือ หมูสะเต๊ะ รสนุ่มถึงเครื่องเทศที่เสิร์ฟมาพร้อมขนมปังกรอบ และขนมปังหน้าหมู พร้อมน้ำจิ้มรสกลมกล่ม และน้ำจิ้มแบบอาจาดมาลองชิมกันดูนะค่ะ
8.วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี มีจุดเด่นคือเป็นวัดที่รวบรวมศิลปกรรมล้านนาประยุกต์ที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ในบริเวณวัดมีเจดีย์ทรงล้านนากว่า 30 องค์ ด้านหน้าบันไดทาง ขึ้นทิศตะวันออกมีรูปปั้นสิงห์ขนาดใหญ่และพระนอนองค์ใหญ่โดดเด่นอยู่ด้านหน้าวัด นอกจากนี้ยังมีอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สักทรงล้านนา ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวของล้านนาและเมืองแพร่ จัดแสดงเครื่องใช้อาวุธของนักรบโบราณ รวมทั้งภาพถ่ายของเจ้านายฝ่ายเหนือและ ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในล้านนา นับได้ว่ามาถึงแพร่เหมือนได้สัมผัสเมืองเก่าแก่อีกครั้งหนึ่ง
9.พิพิธภัณฑ์โกมลผ้าโบราณ
อีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงอำเภอลอง ตัวอาคารมีสีเหลืงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จำลองคล้ายกับสถาปัตยกรรมของสถานีรถไฟบ้านปิน เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผ้าซิ่นโบราณและของเก่าต่างๆ รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนตก
10.บ่อน้ำพุร้อนแม่จอก
มีทัศนียภาพที่สวยงามท่ามกลางขุนเขา บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ บ่อน้ำร้อนแม่จอกเป็นบ่อน้ำแร่กำมะถันที่มีความร้อนสูงถึง 80 องศา ปัจจุบันองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ป้าก ได้เข้ามาปรับปรุงบริหารให้เป็นสัดส่วน โดยจัดทำบ่อน้ำแร่สำหรับลวกไข่โดยเฉพาะหนึ่งบ่อ บ่อแช่เท้า แช่ตัว นวดแผนโบราณ ร้านอาหารและร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้อนแบบนี้เตรียมไข่มาลวกกันไปเลยนะค่ะ