พิธีส่งตัวเข้าหอ หรือพิธีปูที่นอนหรืออีกชื่อหนึ่งคือ “พิธีร่วมเรียงเคียงหมอน” นั้น ถือเป็นส่วนท้ายสุดของพิธีการแต่งงานไทย ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะต้องมี คือ ตัวเรือน เรือนหอที่คู่บ่าวสาวจะอยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามประเพณีไทย หรือที่เรียกกันว่า “เรือนหอ”
ก่อนการส่งตัวเจ้าสาว จะต้องมีการดูฤกษ์ยามเสียก่อน บางพิธีแต่งงานจะส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอหลังจากเสร็จพิธีไทยในช่วงเช้า แต่บางประเพณีอีสานจะส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอในช่วงเย็นตอนหัวค่ำของคืนวันแต่งงาน เพื่อที่บ่าวสาวจะได้เข้าหอและหลับนอน และตามความเชื่อในประเพณีไทย บ่าวสาวควรนอนที่เรือนหอให้ครบ 3 คืน เพราะเชื่อว่าหลังจากแต่งงานกันแล้วจะได้รักมั่น ยืนยาว ไม่เลิกรากัน และเป็นการนอนเรือนหอและเฝ้าพานบายศรีสู่ขวัญ หลังจากนั้นหากมีภาระกิจ ก็สามารถไปนอนที่อื่นได้
ขั้นตอน พิธีการเข้าเรือนหอ
- นำเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นเรือนหอ โดยมีแขกผู้อาวุโสหรือผู้เฒ่าที่สุดเป็นผู้จูงมือเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวเข้าหอ
- นำหมอนมุ้งและผ้าปูที่นอนไว้บนเตียง สำหรับขันน้ำมนต์ ขันข้าวตอกดอกไม้ตั้งไว้บนโต๊ะข้างที่นอน
- ผู้ใหญ่ชาย-หญิงทำพิธีปูที่นอน (มักใช้ผู้ใหญ่คู่ที่มีความสุขในการครองเรือน คู่สามีภรรยาที่ไม่เคยทะเลาเบาะแว้งกันเป็นผู้ปูที่นอน) ก่อนปูร้องถามกันว่า “นายอยู่นายยืนนายมั่นนายคงมาหรือยัง” ให้มีผู้ตอบว่า “มาแล้ว” จึงเริ่มปู
- ปูเสร็จแล้ว ผู้ปูลองนอนดู ชายพูดว่า “แหม ที่นอนนี้ดี จริง ใครได้นอนคงอยู่เป็นสุขสบาย” ฝ่ายหญิงก็พูดเสริมว่า “เราคงมีแต่ความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป” แล้วพรมน้ำมนต์ที่นอน พร้อมกับให้ศีลให้พรเพื่อเป็นสิริมงคลและโปรยข้าวตอกดอกไม้ลงบนที่นอน
- ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงนำเจ้าสาวเข้ามา เจ้าสาวไหว้หรือกราบเจ้าบ่าวทั้งสองมอบของมีค่าให้กัน เช่น สร้อยแหวน (ถ้ามี) ส่วนมากฝ่ายชายเป็นผู้มอบให้ฝ่ายเดียว
- ให้เจ้าบ่าว เจ้าสาวนอนบนเตียงที่ปูไว้ พร้อม กอดหรือหอมแก้มกัน ตามความเหมาะสม
- ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวกล่าวฝากฝังเจ้าสาวกับเจ้าบ่าว ให้ทั้งสองเคารพยำเกรงและรักกันให้มั่นคง และอวยพรให้มีความสุขความเจริญ แล้วทุกคนออกจากห้องไป (เหลือแต่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวตามลำพัง)